ร้านอาหารญี่ปุ่น อาทิ บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, ราเมง ฯลฯ อร่อยๆ มากมายในกรุงเทพฯ › สาระน่ารู้ By Staff › ประเภทของซูชิในญี่ปุ่นในอดีต
ประเภทของซูชิในญี่ปุ่นในอดีต
ตั้งแต่อดีตช่วงที่เริ่มซูชิเกิดขึ้นใหม่ๆ จนถึงปัจจุบันนี้ มีซูชิเกิดขึ้นมากมายหลายแบบ ซึ่งในสมัยก่อนซูชิจะมีอยู่ 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. นาเระซูชิ (熟れ寿司 - Narezushi)
2. นามะนาเระซูชิ (生熟れ寿司 - Namanarezushi)
3. ฮายะซูชิ (早寿司 - Hayazushi)
นาเระซูชิ (熟れ寿司 - Narezushi)
นาเระซูชิเป็นซูชิที่เก่าแก่ที่สุด ส่วนใหญ่เราจะรู้จักกันในชื่อ ฟุนะซูชิ (鮒寿司 - Funazushi) เป็นซูชิที่นำมาหมักไว้ นานประมาณ 6 เดือนถึง 3 ปี เวลานำมากินก็เอาแต่เนื้อปลาไว้ เอาข้าวที่หมักทิ้งไป
นามะนาเระซูชิ (生熟れ寿司 - Namanarezushi)
นามะนาเระซูชิพัฒนามาจากนาเระซูชิอีกที ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 เริ่มมีนามะนาเระซูชิที่ใช้ระยะเวลาในการหมักสั้นลง ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนก็สามารถกินได้แล้ว เวลากินก็กินทั้งปลาและข้าว นามะนาเระซูชินี้จะมีลักษณะคล้ายกับปลาส้มของไทยเราที่สุดแล้ว เป็นซูชิที่หมักเพียงให้ข้าวเริ่มเปรี้ยวและปลายังดิบ แต่ก็อร่อยพอที่จะนำมากินได้แล้ว ในปัจจุบันนี้ยังสามารถหานามะนาเระซูชิทานได้ที่จังหวัดวากายะมะ (和歌山 - Wakayama) ชิกะ (滋賀 - Shiga) และกิฟุ (岐阜 - Gifu)
อาจจะบอกได้ว่า นามะนาเระซูชิเป็นต้นกำเนิดของซูชิในปัจจุบันเลยทีเดียว เพราะนามะนาเระซูชิเป็นอาหารสำคัญที่เชื่อมโยงปลาดิบและข้าวเข้าด้วยกัน และด้วยรสชาติที่ออกเปรี้ยว จึงพัฒนามาเป็นซูชิที่ใช้น้ำส้มสายชูเหมือนในปัจจุบัน การใช้น้ำส้มสายชูช่วยย่นระยะเวลาการหมักลงได้มาก และนำมาสู่ ฮายะซูชิ นั่นเอง
ฮายะซูชิ (早寿司 - Hayazushi)
ฮายะซูชิแปลตรงตัวได้ว่า ซูชิแบบเร็ว พัฒนามาจากนามะนาเระซูชิในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ทำโดยใส่ข้าวที่ปรุงรสเปรี้ยวแล้วลงในกล่องได้ โรยหน้าด้วยชิ้นปลาเค็ม แล้วใช้หินทับแบบนะเระซูชิ ซึ่งทำให้ลดระยะเวลาหมักลงได้มาก ใช้เวลาเพียงครึ่งวันหรือแค่คืนเดียวก็เสร็จแล้ว ต่อมาฮายะซูชิถูกพัฒนาไปเป็น คิริซูชิ (切寿司 - Kirizushi / ซูชิตัด) ซึ่งเป็นต้นแบบของ ฮาโกะซูชิ (箱寿司 - Hakozushi / ซูชิกล่อง) ในปัจจุบัน ที่ทำโดยการใส่ข้าวปรุงรสเปรี้ยวแล้วใส่ลงในกล่องไม้ วางปลาเรียงไว้ข้างบน จากนั้นก็ปิดฝาและใช้หินทับไว้ เวลาจะทานก็ตัดข้าวที่มีปลาอยู่ข้างบนเป็นชิ้นๆ แล้วค่อยเสิร์ฟ
เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามารู้จักกับซูชิในยุคปัจจุบันที่พัฒนามาจากฮายะซูชิกันต่อนะคะ :)
อ้างอิงจาก wikipedia.org, หนังสือวิวัฒนาการอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย
Posted by
JGB Staff
at
2011年07月07日
18:16
| สาระน่ารู้ By Staff
| สาระน่ารู้ By Staff